สัญญาให้
การให้ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
แตกต่างจากการให้ตามที่ชาวบ้านเข้าใจกัน เนื่องจากชาวบ้านเข้าใจว่า
เมื่อผู้ให้ออกปากรับคำว่าให้ทรัพย์สินสิ่งหนึ่งสิ่งใดแล้ว ถือว่า
การให้เป็นอันสมบูรณ์ หากผู้ให้บิดพลิ้วภายหลังถือว่า ผู้ให้ผิดสัญญาและจะนำเรื่องไปฟ้องร้องต่อศาล
แต่ความจริงตามกฎหมายแล้ว
ความเข้าใจดังกล่าวยังคลาดเคลื่อนแตกต่าง
ความสมบูรณ์ของการให้ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้มาก
เพราะการให้ตามกฎหมายที่จะสมบูรณ์ใช้บังคับระหว่างผู้ให้กับผู้รับได้นั้นมีองค์ประกอบตามกฎหมายหลายประการ
และมีเงื่อนไขต่าง ๆ
อันจะถือว่าเป็นการให้ที่สมบูรณ์ใช้บังคับได้ตามกฎหมายนั้นอยู่
สัญญาให้คืออะไร
สัญญาให้ ปรากฏในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 เอกเทศสัญญา ลักษณะ 3 ตาม
มาตรา 521-536 รวม 16 มาตรา
สามารถแบ่งเป็นหัวข้อเพื่อทำความเข้าใจในเรื่อง “การให้”
ได้ดังนี้
1. ความสมบูรณ์ของสัญญาให้
สัญญาให้ย่อมสมบูรณ์ด้วยการส่งมอบทรัพย์สินที่ให้
มาตรา 523 ซึ่งการส่งมอบนั้นจะเป็นการที่ผู้ให้หยิบยื่นทรัพย์สินให้โดยตรง
เช่น ให้แหวนก็ส่งมอบแหวนใส่ในมือผู้รับหรือกระทำโดยปริยายก็ใช้ได้ เช่น
ผู้ให้กล่าวคำยกทรัพย์ให้โดยชัดเจน
และในเวลาเดียวกันก็มอบลูกกุญแจสำหรับไขตู้หรือที่เก็บทรัพย์ได้
แต่หลักนี้มีข้อยกเว้นอยู่ 2 ประการคือ
(1) การให้สิทธิอันมีหนังสือเป็นตราสารสำคัญ
มาตรา 524 บัญญัติว่า ถ้ามิได้ส่งมอบตราสารให้แก่ผู้รับ
และมิได้มีหนังสือบอกกล่าวแก่ลูกหนี้แห่งสิทธินั้นด้วยแล้ว การให้ย่อมไม่สมบูรณ์ซึ่งทั้งนี้หมายถึงสิทธิไม่ใช่ให้ตัวทรัพย์สินโดยตรง
สิทธิอันมีหนังสือตราสารสำคัญนั้น
จะเป็นชนิดที่กฎหมายบังคับว่าต้องทำตราสารหรือไม่ก็ตาม
เมื่อให้แก่กันจะต้องส่งมอบตราสารให้แก่ผู้รับ
และผู้ให้มีหนังสือบอกกล่าวการให้ไปยังลูกหนี้ตามตราสารนั้นด้วย
(2) การให้อสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์
(ชนิดพิเศษ)
ซึ่งถ้าซื้อขายกันต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่มาตรา 456
วรรค 1 ก็ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วยเช่นเดียวกันกับการทำสัญญาซื้อขายจึงจะสมบูรณ์ตามมาตรา
525 ผู้ให้จะเพียงแต่ส่งมอบทรัพย์สินที่ให้
หรือมอบหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สิน เช่น
โฉนดให้แก่ผู้รับเท่านั้นยังไม่เป็นการเพียงพอ
แต่การให้นี้เมื่อได้ทำถูกต้องตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว
แม้จะยังไม่ส่งมอบทรัพย์สินกรรมสิทธิ์ก็เปลี่ยนมือไปยังผู้รับแล้ว
ข้อสังเกต
การอุทิศที่ดินให้เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ไม่ต้องจดทะเบียนต่อพนักงาน
ก็มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย
2. สัญญาว่าจะให้
3. การให้ทรัพย์สินซึ่งมีค่าภารติดพัน
4. การถอนคืนการให้
5. การให้ที่จะเป็นผลต่อเมื่อผู้ให้ตาย
ซึ่งจะได้อธิบายตามแนวดังกล่าวเป็นลำดับได้
แต่ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจในเรื่องความหมายของสัญญาให้เสียก่อนว่ามีความหมายและ
ขอบเขตเพียงใด
สัญญาให้ คือ สัญญาสองฝ่าย
มีฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ให้ และอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้รับ
และทั้งสองฝ่ายดังกล่าวต่างแสดงเจตนาให้มีการโอนและ
การรับโอนทรัพย์อันเป็นวัตถุของสัญญาให้ด้วย
ด้วยเหตุนี้
สัญญาให้จึงมีหลักเกณฑ์ความสำคัญในเรื่องการตกลงของเจตนาที่ผู้ให้ยอมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินแก่ผู้รับโดยมิได้รับค่าตอบแทน
และผู้รับก็ยอมรับเอาทรัพย์สินที่ให้นั้น
ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 521 ว่า “ อันว่าให้ นั้นคือ
สัญญาซึ่งบุคคลหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ โอนทรัพย์สินของตนโดยเสน่หาแก่บุคคลอีกคนหนึ่ง
เรียกว่า ผู้รับ และผู้รับยอมรับเอาทรัพย์สินนั้น ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น